เมืองไทยเป็นอีกหนึ่งดินแดนที่คนจีนเดินทางเข้ามาอยู่อาศัยหรือตั้งภูมิลำเนาไม่น้อยเลยทีเดียว เป็นที่รู้กันว่ากรุ๊ปคนจีนเริ่มตั้งสโมสรลับเสมือนได้แก่กรุ๊ปต้านทานวงศ์สกุลชิงในแผ่นดินจีน แม้กระนั้นอาจมีต้นเหตุรวมทั้งจุดหมายที่ต่างกันออกไปจากการตั้งสัมพันธ์ลับในจีน แม้กระนั้น สิ่งที่หลงเหลือไว้เป็นพิธีการรับสมาชิกใหม่
คนจีนย้ายถิ่นมาในดินแดนแถบเอเซียอาคเนย์ตั้งแต่พุทธศักราชที่ 24-25 สำหรับเมืองไทย คนจีนย้ายถิ่นเข้ามาเยอะมากเช่นเดียวกัน จากการเล่าเรียนของพรพรรณ จันทโรนานนท์ กล่าวว่า คนจีนรุ่นแรกที่ย้ายถิ่นเข้ามาในไทยนั้นเข้ามาจากเรือผลิตภัณฑ์ และก็โดยมากเป็นคนจีนที่อาศัยทำรับประทานอยู่ในดินแดนด้านใต้แถบชายหาดมาก่อน (อ่านเพิ่ม :คนจีนในไทยมาจากไหน เปิดเรื่องราวย้ายถิ่นสมัยเดิม ถึงการผสมผสานจนกลมกลืนด้านวัฒนธรรม)
คนจีนที่ย้ายถิ่นเข้ามาในไทยตั้งสัมพันธ์ลับที่การไทยเรียกว่า “ตั้วเหี่ย” ถัดมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ก็เลยแปลงมาเรียกว่า “อั้งยี่” ศุภรัตน์ ยอดเยี่ยมการค้ากุล นักวิชาการ นำเสนอว่า จุดเริ่มแรกของการจัดตั้งคาดว่า อย่างช้าที่สุดคงจะอยู่ในยุครัชกาลที่ 2 (พุทธศักราช 2352-2367) แม้ใคร่ครวญตามเอกสารรายงานของข้าราชการอังกฤษในเกาะปีนัง ซึ่งแถลงการณ์ว่า ราว 2342 คนจีนในรัฐปีนังมีสโมสรลับของตัวเองแล้ว
สัมพันธ์เริ่มขยับเขยื้อนในยุคพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว แล้วต่อจากนั้นเสื่อมสภาพในช่วงปลายยุคพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กรุ๊ปสโมสรที่ว่านี้มีช่วงชีวิตช้านานตลอดเกือบจะ 90 ปีแล้วก็มีผลต่อการบ้านการเมืองเศรษฐกิจ รวมทั้งสังคม โดยสัมพันธ์อั้งยี่ในไทยมีเป้าประสงค์เพื่อช่วยเหลือชาวจีนร่วมกัน แม้กระนั้นในอีกด้านหนึ่งก็มักเกี่ยวข้องกับอาชีพที่ไม่ถูกกฎหมาย แล้วก็บ่อยครั้งที่แต่ละกรุ๊ปก็ต่อสู้คุ้นเคย
เนื้อหาเกี่ยวกับสโมสรอั้งยี่มีนักวิชาการเล่าเรียนจำนวนมาก แม้กระนั้นข้อมูลส่วนหนึ่งส่วนใดที่ยังคงไม่ค่อยปรากฏให้มองเห็นมากเท่าไรนักเป็นข้อมูลเรื่องพิธีบูชาสำหรับการรับสมาชิกใหม่ซึ่งเรียกกันว่า “การเข้าอั้งยี่” ด้วยเหตุผลว่า กฎระเบียบของชมรมระบุชัดเรื่องห้ามบอกเล่าเรื่องราวแล้วก็พิธีบูชาของกรุ๊ปให้คนไหนกันแน่รู้ทำให้เนื้อหาสาระเกี่ยวกับเรื่องนี้มีไม่มากสักเท่าไรนัก
เอกสารของทางการจากบันทึกเหตุการณ์รัชกาลที่ 3 ซึ่งเจาะจงถึงประเด็นนี้ ชี้แจงเกี่ยวกับพิธีการ “การเข้าอั้งยี่” ว่า
“…ข้าพระพุทธเจ้า (จีนโป๊) ก็ชูโต๊ะไปตั้งนอกโรงที่โล่งแจ้ง เอาถังใส่ข้าวสาร เอาจานชามใส่น้ำมันตามตะเกียงไว้กึ่งกลางถังข้าวสาร ตั้งไว้บนโต๊ะ เอาถังน้ำ เอาไก่มาเฉือนคอเอาเลือดผสมกับเหล้า เทลงในถังที่ไว้เพื่อใส่น้ำ ตั้งไว้หน้าโต๊ะถังหนึ่ง แล้วให้จีนยืนถือกระบี่ 2 คนเอาปลายกระบี่เขียนกันไว้เป็นประตู จีนสินทองคำเป็นตั้วเหี่ย (ตั้วเฮีย –หัวหน้าใหญ่ของสัมพันธ์) ข้าพระพุทธเจ้าเป็นยี่เหี่ย (ยี่เฮีย – รองหัวหน้าหรือหัวหน้าสาขา) จีนฮกเกาแต้จิ๋วแซ่อึ้ง เป็นเฉาเอ่ย 1 (เฉาเอ๊ย – เจ้าหน้าที่ทั่วๆไป)
แล้วจีนสินทองคำตั้วเหี่ยจุดธูปลอดประตูกระบี่ไปก่อน เอาธูปปักไว้ที่ถังข้าวสาร ไปยืนอยู่ข้างโต๊ะข้างหนึ่ง แล้วยี่เหี่ย ซาเหี่ย เฉาเอ่ยลอดประตูกระบี่ตามตั้วเหี่ยเข้าไปไหว้ตรงถังข้าวสารตั้งไว้บนโต๊ะ แล้วไหว้ตั้วเหี่ยด้วย พวกที่เข้าตั้วเหี่ยลอดประตูกระบี่เข้าไปไหว้ถังข้าวสาร ไหว้ตั้วเหี่ย ยี่เหี่ย ซาเหี่ย เฉาเอ่ย ร่วมกันทุกคน
แล้วเอาถ้วยตักเหล้ากับน้ำเลือดไก่ปนกันในถัง กินเลือดมนุษย์ด้วยถ้วยทุกคน จีนที่ยืนถือกระบี่เป็นประตูนั้นร้องว่าให้ซื่อปฏิญาณต่อกัน หากไม่ซื่อ ไม่ซื่อตรงต่อกัน ให้คอขาดตาย เสมือนไก่ ได้คน 200 คน เศษ…”
ในตอนที่เอกสารจากรายงานของพระเหตุประกาศ อีกแห่งหนึ่งบประมาณรรคุณยายว่า
“…อนึ่งการเข้าอั้งยี่ก่อนๆมีข้อแปลกประหลาดมากมาย มีฆ่าไก่ มีเขา แลซักไซ้กันเป็นกฤษณา (ปัญหา) หลายแบบความลับข้อนี้เหลือที่จะอธิบายอย่างละเอียดได้ โดยผู้เข้าอั้งยี่จำต้องคำสัญญาไม่บอกคนไหนกัน ผม (พระข้อหาประกาศ) ได้รู้เป็นเค้าๆเพียงแค่นั้น….”
หรือในเรื่องที่กำหนดเกี่ยวกับ “อ้ายชิก” ในแนวทางเข้าอั้งยี่ เรียบเรียงโดย พลโท เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี จากการซักถามจีนย่องหลี หัวหน้าอั้งยี่เก่าในจังหวัดชลบุรี ยุครัชกาลที่ 5 ว่า
“…แนวทางเข้าอั้งยี่
1) จำต้องลงลายมือชื่อ แลแซ่ วันเดือนปี แลตำบลที่เกิด
2) ตงกุนถือธงพาเดินรอบที่ประกอบพิธี แลไปมอบให้ซินแส
3) จำต้องสาบานทุกประตูที่เข้า (ประตูมีคนยืนถือมีดคู่ ราวๆ 2 คนทำท่าจะฟันคอ)
4) แทงปลายนิ้วกึ่งกลางมือซ้าย เอาเลือดคละเคล้าเหล้า กินเนื้อมนุษย์ละจิบ
5) แล้วลอดโต๊ะ (มีความหมายว่าออกมาจากท้องบิดามารดาเดียวกัน)
6) ผ่านกองไฟ (แปลว่ากำเนิดใหม่)
7) ผ่านสะพาน (มีก้อนอิฐหรือหิน 3 ก้อนวางเหยียบไป)
8) ไปฟันไก่ (ไก่ หมายความแทน อ้ายชิก ฟัน มีความหมายว่า ฟันอ้ายชิก อ้ายชิกคนนี้มีประวัติว่าเอาความลับอั้งยี่ไปเผย (คือความลับของชมรมความสอดคล้องที่องค์สามในประเทศจีน) วันหลังจับได้ก็เลยตัดคอเสีย แล้วเอามาแสดงให้เห็นว่าถ้าเกิดคนใดกันแน่ทำผิดอย่างอ้ายชิก จึงควรถูกลงโทษเสมือนอ้ายชิก) อ้างอิงเรื่องอ้ายชิก ใน “ตำนานประวัติความเป็นมาของสมาคมความกลมกลืนแห่งองค์สาม”
9) แล้วอ่านประกาศแสดงความมั่นหมายของแผนกอั้งยี่ให้ฟัง… slot-online ”
ศุภรัตน์ เยี่ยมการขายกุล ชี้แจงว่า แบบแผนโดยคร่าวๆเกี่ยวกับการเข้าอั้งยี่ในไทยคล้ายกับพิธีการรับสมาชิกใหม่ของสัมพันธ์ความสอดคล้องที่องค์สาม (The Triad Society San Ho Hui) ซึ่งเป็นกรุ๊ปที่พวกกบฏทำลายวงศ์สกุลชิงจัดตั้งในจีนเพื่อเป็นศูนย์กลางต้านวงศ์สกุลชิงอย่างลับๆเมื่อ พุทธศักราช 2217
สมาคมที่นี้มีสาขากระจัดกระจายในหลายที่ของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตทางด้านใตน แม้กระนั้นมั่นใจว่าลักษณะพิธีการในไทยลดเนื้อหาอะไรบางอย่างออกเพื่อความสบาย